วิธีหาห้องเช่า อย่างไรให้โดนใจและคุ้มค่าที่สุด
วันที่โพสต์
วิธีหาห้องเช่า อย่างไรให้โดนใจและคุ้มค่าที่สุด
สังคมเมืองในปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่า ห้องเช่าเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุดสำหรับคนที่เข้ามาพักอาศัยอยู่ในตัวเมือง หรือคนในเมืองเองที่อยากจะมีชีวิตส่วนตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร แต่บางครั้งก็มีเหตุจำเป็นที่ทำให้ต้องย้ายจากห้องเดิมไปอยู่ที่อื่น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลส่วนตัวหรือเหตุผลเรื่องงาน ซึ่งในบทนี้มีคำแนะนำเกี่ยวกับคนที่กำลังอยากจะย้ายห้อง หรืออยากจะมีห้องดีๆ ไว้พัก ว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรถึงจะได้อย่างที่ต้องการ ถ้าพร้อมกันแล้วไปดูกันได้เลย
1. ทำเลที่ตั้ง
ประการแรกเลยสำหรับคนที่อยากจะย้ายห้อง หรืออยากจะเช่าห้องอยู่ ควรดูทำเลที่ตั้งของห้องที่เราอยากจะย้ายไปหรืออยู่ในความสนใจเสียก่อน ซึ่งเราต้องดูถึงการทำงาน, การใช้ชีวิตของตัวเองด้วย แม้ว่าห้องที่เราอยากได้สวยงามสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมแค่ไหน แต่อยู่ไกลที่ทำงาน, เดินทางลำบาก, หาของกินยาก, ใช้ชีวิตไม่สะดวกสบาย ก็ควรที่จะไปดูที่อื่น ที่ใกล้ที่ทำงาน, เดินทางสะดวก, มีของขายเยอะ จะดีกว่า
ส่วนมากทำเลที่ตั้งที่มีคนอาศัยอยู่เยอะสังเกตว่าตรงนั้นจะมีตลาดนัด, ร้านสะดวกซื้อ หรืออยู่ใกล้กับย่านชุมชนที่มีคนเดินพลุกพล่านในแต่ละวัน หรืออยู่ใกล้กับถนนเส้นหลัก ทำเลตรงนี้จะถือว่าเป็นทำเลทอง อาจจะทำให้ห้องเช่านั้นมีราคาสูงกว่าปกติ แต่ถ้าอยากได้ที่ราคาลดลงมาก็ลองดูในพื้นที่ใกล้เคียงกัน
2. สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพัก
ประการต่อมาคือ การดูสิ่งของที่ห้องพักแถมมาให้ เพราะในการย้ายห้องนั้นอย่างแรกเลยที่จะติดตัวเรามาคือสิ่งของที่อยู่ในห้องเก่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นส่วนมากมักจะมีแต่เสื้อผ้ากับอุปกรณ์ประจำตัวเป็นหลัก เพราะส่วนมากในปัจจุบันห้องเช่าแทบจะทุกที่ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ให้อยู่แล้ว ซึ่งทางที่ดีเราควรจะศึกษาดูให้ดีว่า ห้องเช่าที่เราจะย้ายไปนั้นมีอะไรให้บ้าง
โดยส่วนมากแล้วห้องเช่าโดยทั่วไปจะมี เตียงกับตู้เสื้อผ้าไว้ให้ และมีห้องน้ำในตัว บางห้องอาจจะมีระเบียงหรือพัดลม ซึ่งห้องประเภทนี้จะมีราคาไม่เกิน 2,500 บาท แต่บางที่อาจจะมีตู้, เตียง, ห้องน้ำ, เครื่องปรับอากาศ, ระเบียง และพื้นที่ส่วนตัวไว้ใช้ ซึ่งราคาก็จะสูงขึ้นมา ต้องเลือกให้ดีๆ
3. สิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ
ประการที่สามให้เราดูสิ่งอำนวยความสะดวกในบริเวณตึกห้องที่เช่า ซึ่งตรงนี้ประกอบไปด้วย เครื่องซักผ้า, เครื่องกดน้ำ, ไวไฟ, ลานจอดรถ และอื่นๆ ว่ามีครบครันหรือเปล่า เพราะส่วนมากห้องเช่าในปัจจุบันจะมีสิ่งเหล่านี้คอยให้บริการ บางที่อาจจะมีร้านกาแฟเล็กๆ ไว้ให้คนในตึกได้ลงมาอุดหนุนหรือนั่งเล่นกันก็มี หรือบางที่อาจจะฟิตเนสไว้ให้บริการรวมถึงสระว่ายน้ำและสวมหย่อมเล็กไว้ให้วิ่งในยามเย็น ตรงนี้สำหรับใครที่สายสุขภาพก็ลองหาดูกันนะครับ
4. ระยะทางจากที่ทำงาน
ประการที่สี่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้ที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ เพราะหลายๆ ครั้งคนเรามักจะเลือกตามใจไว้ก่อน แต่ไม่ได้คำนึงถึงการเดินทางไปทำงาน เช่นบางคนไปเช่าห้องอยู่แถวสุขุมวิท ด้วยเหตุผลว่าอยู่ในเมืองสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม แต่ต้องมาทำงานถึงปิ่นเกล้า อันนี้ก็อาจจะทำให้เวลาการนอนน้อยลง รวมถึงการเดินทางก็ต้องใช้เวลามากขึ้นหากเจอกับรถติด ตรงนี้ผู้เช่าต้องตระหนักให้ดีว่าห้องพักของเรานั้นมีระยะทางอยู่ไกลจากที่ทำงานหรือเปล่า
5. ความปลอดภัย
ประการต่อมานั่นคือการสังเกตความปลอดภัยในบริเวณที่พักอาศัยว่าเปลี่ยวหรือมีจุดไหนที่เป็นอันตรายบ้าง แน่นอนหลายๆ คนมักจะชอบหาห้องพักที่มีความเงียบสงบ ซึ่งก็มีห้องพักบางที่ชอบไปสร้างอยู่ในซอยที่เปลี่ยวหรือเป็นจุดอันตราย แต่ถ้าเราจำเป็นที่จะต้องไปพักอยู่ในบริเวณนั้นจริงๆ ก็ควรจะหาเพื่อนหรืออุปกรณ์ป้องกันตัวติดตัวเอาไว้ แต่ถ้าหากเลี่ยงได้ก็ลองมองหาห้องพักที่มีคนพลุกพล่านจะดีกว่า
หรือหากจำเป็นจริงๆ ที่จะต้องอยู่ในซอยที่เปลี่ยว ให้หาหอพักที่มีกล้องวงจรปิดติดอยู่ด้านหน้า, ตามทางเดิน, ตามบันได หรือมีกล้องวงจรปิดอยู่ภายในบริเวณใกล้เคียง รวมถึงมีพนักงานรักษาความปลอดภัยคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมงจะดีกว่า แต่ในบางครั้งหอพักอาจจะมีแค่กล้องวงจรปิด ส่วนประตูนั้นใช้คีย์การ์ดเปิด ก็ถือว่าปลอดภัยระดับหนึ่ง
6. อาหารการกิน, เรื่องปากเรื่องท้อง
ประการต่อมาคืออาหาร ถ้าเราเจอห้องเช่าที่ใกล้ที่ทำงาน, ปลอดภัย, เดินทางสะดวก แต่หาของกินยากมาก ก็ไม่ช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้เช่าดีขึ้นได้ ดังนั้นผู้เช่าต้องตระหนักในเรื่องนี้ให้ดี เพราะในหลายๆ ครั้งเราอาจจะเกิดอาการหิวในช่วงเวลากลางคืน หรือบางคนอาจจะเลิกงานดึก ถ้าห้องเช่าอยู่ในจุดที่มีของขายตลอด 24 ชั่วโมง หรือร้านสะดวกซื้ออยู่ใกล้ๆ ก็จะเป็นการดีมาก
7. พื้นที่โดยรอบห้องเช่า
ประการต่อมาจะสอดคล้องกับทำเลที่ตั้งและความปลอดภัย นั่นคือบริเวณโดยรอบของห้องเช่าที่เราต้องการจะเข้าไปอยู่ ว่าอยู่ในโซนไหน แน่นอนว่าหากเป็นห้องเช่าที่มีชื่อเสียงมักจะตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ จากนั้นก็จะขยับเข้ามาในซอยและอาจจะต้องผ่านชุมชนที่อยู่ในซอย ซึ่งหากบริเวณนั้นเป็นจุดเสี่ยงหรือเป็นจุดที่ถูกจับตามอง บางครั้งอาจจะทำให้เราโดนมองไม่ดีไป หรือบางครั้งห้องพักอาจจะอยู่ใกล้กับวัดหรือโรงเรียน การจะตากผ้าหรือทำธุระส่วนตัวก็อาจจะไม่สะดวก ดังนั้นต้องดูบริเวณโดยรอบห้องเช่าให้ดี หรือถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ในบริเวณนั้นจริงๆ ก็ควรทำตัวให้เหมาะสมกับจุดที่อยู่จะดีที่สุดครับ
8. ตรวจสอบพื้นที่การจราจร, สายรถไฟฟ้า
ประการต่อมาข้อนี้จะสอดคล้องกับระยะทางจากที่ทำงาน นั่นคือการจราจรและสายรถไฟฟ้าที่อยู่ใกล้เคียง ปัจจุบันไม่มีใครเถียงได้ว่าคนในเมืองเลือกใช้บริการรถไฟฟ้าทั้งลอยฟ้าและใต้ดินมากพอสมควร เพราะการเดินทางสะดวกสบายไม่ต้องไปแออัดกับรถติดบนถนน แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนก็อาจจะเจอกับคนเยอะเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าผู้เช่าไม่อยากเดินทางโดยรถไฟฟ้า ก็จำเป็นอย่างมากที่จะต้องดูการจราจรบริเวณห้องเช่าให้ดี ว่ามีสายรถเมล์อะไรผ่าน, รถจะเยอะในช่วงเวลากี่โมง, ตรอก-ซอยไหนที่ทะลุถึงกันได้
รวมถึงสายรถไฟฟ้าว่ามีเส้นไหนผ่านหรือใกล้กับห้องของเรา เวลาเดินทางไปทำงานจะได้ไม่เจอปัญหารถติด แต่ถ้าจำเป็นต้องที่จะต้องเจอกับปัญหานี้จริงๆ ลองโหลดแอพพลิเคชั่น Via Bus ดูครับ (ไม่ได้ค่าโฆษณาหรอกครับ แต่แอพฯ ดีจริงๆ) แอพนี้จะคอยดูว่ารถเมล์สายไหนอยู่ใกล้เรามากที่สุด ก็ถือว่าช่วยได้ในระดับนึงเลยครับ
9. ตรวจสอบราคา, ค่ามัดจำให้ชัดเจน
ประการต่อมาคือการตรวจสอบราคาเช่าให้ดีๆ รวมถึงค่ามัดจำ เพราะบางครั้งราคาของห้องเช่าที่เราต้องการอาจจะมีราคาที่แตกต่างกัน เช่น ห้องพัดลมราคา X,XXX บาท, ห้องมีแอร์ราคา X,XXX บาท, ห้องชั้นบนราคา X,XXX บาท, ห้องชั้นล่างราคา X,XXX บาท เป็นต้น รวมถึงค่ามัดจำว่าต้องจ่ายล่วงหน้ากี่เดือน เพราะแต่ละที่จะมีการเก็บค่ามัดจำที่แตกต่างกันออกไป ตรงนี้ต้องดูให้ดีๆ
โดยส่วนมากแล้วหลายๆ ห้องเช่าจะมีราคาแยกอย่างชัดเจน เช่น ตึกนี้มีความสูง 6 ชั้น ชั้น 2 – 4 เป็นห้องพัดลม ราคา X,XXX บาท, ชั้น 5 – 6 เป็นห้องแอร์ + พัดลม ราคา X,XXX บาท ซึ่งตรงนี้ต้องเช็คให้ละเอียดเรียบร้อยนะครับ
10. ตรวจสอบสัญญาเช่า, สัญญาซื้อ
ประการสุดท้ายนั่นคือการตรวจสอบสัญญาเช่า เพราะสัญญาของแต่ละที่นั้นจะมีความแตกต่างกันในบางจุด เช่นบางแห่งอยู่ครบ 3 เดือนจะคืนค่ามัดจำให้ หรือบางที่อาจจะต้องอยู่ถึง 6 เดือน หรือ 1 ปี ถึงจะได้ค่ามัดจำคืน (โดยห้ามย้ายออกก่อน) หรือบางแห่งเวลาที่เราย้ายออกอาจจะมีการตรวจสอบความเสียหายภายในห้องแล้วไปหักจากค่ามัดจำ เป็นต้น ทางที่ดีควรอ่านตัวสัญญาให้ละเอียดและทำความเข้าใจให้ได้มากที่สุด จะได้ไม่ต้องมีปัญหากันในภายหลัง
บทความแนะนำ
Design By TECHLEADERS
Copyright © 2019-2025