เลือกห้องเช่าแบบไหนให้คุ้มค่าเงินเดือน เทคนิคบริหารงบที่อยู่อาศัยสำหรับชาวออฟฟิศ
วันที่โพสต์
สำหรับพนักงานออฟฟิศหรือมนุษย์เงินเดือน การเช่าห้องเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายที่ใหญ่ที่สุดของชีวิตประจำวัน ถ้าหากเลือกห้องผิด อาจทำให้เงินเดือนหมดไปโดยไม่รู้ตัว! ดังนั้น คำถามคือ เลือกห้องเช่ายังไงให้คุ้มค่าเงินเดือน? วันนี้ห้องดีมีเทคนิคดีๆ ในการบริหารงบที่อยู่อาศัยให้ตอบโจทย์ทั้งคุณภาพชีวิตและการเงิน
1. ตั้งงบประมาณเช่าห้องให้เหมาะสม
การตั้งงบประมาณเช่าห้องเป็นเรื่องสำคัญสำหรับพนักงานออฟฟิศ เพราะเป็นค่าใช้จ่ายประจำที่ต้องจ่ายทุกเดือน หากบริหารไม่ดี อาจส่งผลกระทบต่อการเงินและคุณภาพชีวิต
หลักการง่ายๆ ในการกำหนดงบเช่าห้อง คือ ค่าเช่าไม่ควรเกิน 30-40% ของรายได้ต่อเดือน ตัวอย่างการ ใช้กฎ 30-40% ของรายได้
ตัวอย่างการคำนวณ
- เงินเดือน : 20,000 บาท ค่าเช่าไม่ควรเกิน 6,000 - 8,000 บาท
- เงินเดือน : 30,000 บาท ค่าเช่าไม่ควรเกิน 9,000 - 12,000 บาท
- เงินเดือน : 40,000 บาท ค่าเช่าไม่ควรเกิน 12,000 - 16,000 บาท
หากค่าเช่าเกินกว่านี้ อาจทำให้มีเงินเหลือใช้ต่อเดือนน้อย และอาจกระทบต่อการออมเงินในระยะยาว
2. เลือกทำเลที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายแฝง
การเลือกทำเลที่ดีช่วยประหยัดค่าเดินทางและเวลาชีวิต ลองพิจารณาเรื่องเหล่านี้ก่อนเช่าห้อง
- ใกล้ที่ทำงาน : ลดค่าเดินทางและเวลารถติด
- ใกล้รถไฟฟ้า (BTS, MRT) : ประหยัดค่ารถแท็กซี่และสะดวกต่อการเดินทาง
- ใกล้ร้านสะดวกซื้อหรือตลาด : ลดค่าใช้จ่ายในการกินและซื้อของ
บางครั้งค่าเช่าห้องใกล้ที่ทำงานอาจแพงขึ้นนิดหน่อย แต่ถ้าช่วยให้ลดค่าเดินทางได้มาก ก็ถือว่าคุ้ม!
3. เลือกขนาดและสิ่งอำนวยความสะดวกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์
ห้องเช่ามีหลายแบบ ทั้งหอพัก อพาร์ตเมนต์และคอนโด แต่ละแบบมีค่าใช้จ่ายและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ต่างกัน
- อยู่คนเดียว : เลือกห้องสตูดิโอขนาดเล็กเพื่อประหยัดค่าเช่า
- ต้องการพื้นที่มากขึ้น : ลองหาอพาร์ตเมนต์หรือคอนโด 1 ห้องนอน
- ชอบออกกำลังกาย : เช่าคอนโดที่มีฟิตเนสและสระว่ายน้ำ จะช่วยลดค่าฟิตเนสรายเดือน
4. พิจารณาค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนอกเหนือจากค่าเช่า
นอกจากค่าเช่าห้อง ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ต้องคำนึงถึง เช่น
- ค่าน้ำ-ค่าไฟ : ควรเช็กอัตราค่าไฟและค่าน้ำก่อนเช่า บางที่อาจคิดราคาสูงเกินจริง
- ค่าส่วนกลาง : ถ้าอยู่คอนโด ตรวจสอบว่าค่าส่วนกลางรวมอยู่ในค่าเช่าหรือไม่
- ค่ามัดจำและค่าซ่อมแซม : สอบถามเรื่องค่ามัดจำและข้อตกลงเกี่ยวกับการซ่อมแซมก่อนเซ็นสัญญา
5. แชร์ห้องช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย
ถ้าค่าเช่าแพงเกินงบ ลอง หรูมเมท มาแชร์ค่าใช้จ่าย เช่น ค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ อาจช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ 30-50% แถมยังมีเพื่อนช่วยกันดูแลห้อง แต่ก่อนจะเลือกอยู่กับรูมเมท อย่าลืมเช็กนิสัย ไลฟ์สไตล์ และกฎของห้องเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทีหลัง
6. ต่อรองค่าเช่าให้ได้ราคาที่ดีที่สุด
ไม่ใช่ทุกคนที่รู้ว่า ค่าเช่าสามารถต่อรองได้! ลองใช้เทคนิคเหล่านี้เพื่อขอลดค่าเช่า
- เช่าระยะยาว : หากเช่าห้อง 1 ปีขึ้นไป เจ้าของห้องอาจลดราคาหรือฟรีค่าส่วนกลาง
ย้ายเข้า-ออกช่วงโลว์ซีซั่น เช่น เดือนกันยายน-พฤศจิกายน อาจมีห้องว่างเยอะ ทำให้มีโอกาสต่อรองได้มากขึ้น ลองเจรจาอย่างสุภาพ ขอราคาที่เหมาะสม เช่น “หากเช่า 1 ปี สามารถลดค่าเช่าได้ไหม?”
ดังนั้น ข้อดี-ข้อเสีย ของการเช่าห้องให้คุ้มค่าเงินเดือน จะมีรายละเอียดง่ายๆ ดังนี้
ข้อดีของการเช่าห้องแบบคุ้มค่า
1. ช่วยบริหารงบประมาณได้ดี : ค่าเช่าไม่เกิน 30-40% ของเงินเดือน ทำให้เหลือเงินใช้จ่ายด้านอื่นและออมได้
2. ลดค่าเดินทาง : เลือกทำเลใกล้ออฟฟิศหรือรถไฟฟ้า ประหยัดเวลาและค่าเดินทาง มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น
3. มีเงินเหลือใช้สำหรับสิ่งจำเป็นอื่นๆ เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าดูแลสุขภาพ หรือการลงทุน
4. สามารถแชร์ค่าใช้จ่ายได้ การอยู่กับรูมเมทช่วยลดภาระค่าเช่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ได้ถึง 30-50% ลดภาระค่าใช้จ่ายแฝง การเลือกห้องที่รวมค่าน้ำ-ไฟ หรือไม่มีค่าส่วนกลางช่วยลดภาระรายเดือน
ข้อเสียของการเช่าห้องแบบงบจำกัด
1. อาจต้องอยู่ห้องเล็กลง : ห้องราคาถูกอาจมีพื้นที่น้อย อาจไม่สะดวกสำหรับบางคน
2. ทำเลอาจไกลจากจุดที่ต้องการ : ห้องราคาถูกอาจไม่ได้อยู่ในย่านที่เดินทางสะดวกที่สุด
3. สิ่งอำนวยความสะดวกอาจน้อยลง เช่น ไม่มีฟิตเนส สระว่ายน้ำ หรือระบบรักษาความปลอดภัยดีเท่าคอนโดราคาสูง
4. อาจต้องแชร์กับรูมเมท : หากเลือกแชร์ห้องค่าใช้จ่ายลดลงแต่ต้องปรับตัวกับนิสัยของผู้อยู่อาศัยร่วม การบริหารงบประมาณที่อยู่อาศัยให้ดี จะช่วยให้คุณมีเงินเหลือเก็บ และใช้ชีวิตมนุษย์เงินเดือนได้อย่างสบายขึ้น ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ แล้วคุณจะพบว่าการเช่าห้องอย่างคุ้มค่ามันง่ายกว่าที่คิด!
บทความแนะนำ
Design By TECHLEADERS
Copyright © 2019-2025